"รองอธิบดีกรมฝนหลวง" เปิดศูนย์ปฏิบัติการ แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ

"รองอธิบดีกรมฝนหลวง" เปิดศูนย์ปฏิบัติการ แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ

"รองอธิบดีกรมฝนหลวง" ลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์การบรรเทาปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในภาคเหนือ โดยวางแผนทำฝนหลวง ช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเผยว่า ตามที่ค่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม ถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น และมีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมประเทศไทย บริเวณตอนบน มีกำลังอ่อนลง จึงทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับข้อมูลสถานการณ์ค่าคุณภาพอากาศ จากกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 2ก.พ.66 พบว่า ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 มีค่าอยู่ระหว่าง 47 - 128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM 10 มีค่าอยู่ระหว่าง 62 - 188 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเป็นวงกว้างแล้วนั้น

จึงมีคำสั่งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร วางแผนปฏิบัติการฝนหลวง ช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ประสานกับหน่วยงาน ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ ลดโอกาสการเกิดไฟป่า บรรเทาปัญหาหมอกควัน และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 66 เป็นต้นไป เพื่อทำฝนบรรเทาปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงพบว่า ในทุกๆ ปี ภาคเหนือจะได้รับอิทธิพลจากบริเวณความกดอากาศสูง และคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกที่แผ่ปกคลุม ทำให้มีโอกาสเกิดฝน 3-5 วันต่อเดือน

เมื่อสภาพอากาศเหมาะสม และเข้าเงื่อนไข จะมีพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือ จำนวน 6 ดอย ได้แก่ บริเวณดอยพระบาท จ.ลำปาง ดอยจระเข้ จ.เชียงราย ดอยกองมู จ.แม่ฮ่องสอน ดอยขะม้อ จ.ลำพูน ดอยหลวง และดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่เฝ้าระวังรอยต่อระหว่างจังหวัด จำนวน 19 รอยต่อของพื้นที่ภาคเหนือที่อาจเกิดไฟป่าอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังมีการสนับสนุนอากาศยานให้แก่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่า และบินสำรวจจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25ม.ค.66 เป็นต้นมา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์แบบ Bell 407 จำนวน 1 เครื่อง (พร้อมอุปกรณ์ตักน้ำดับไฟป่า) เครื่องบินแบบ CASA จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน Super King Air จำนวน 1 เครื่อง

ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกร งดการเผาทุกประเภท เพื่อช่วยกันลดปัญหามลพิษจากหมอกควัน และฝุ่นละออง และสามารถติดต่อประสานการขอฝนหลวงได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2109-5100 ต่อ 410 หรือช่องทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, TikTok, Twitter : @drraa_pr

คุณกำลังดู: "รองอธิบดีกรมฝนหลวง" เปิดศูนย์ปฏิบัติการ แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ

หมวดหมู่: ภูมิภาค

แหล่งที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/2620235

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด