Lifelong Learning เรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเอาตัวรอดในการทำงาน

ท่ามกลางเทคโนโลยีที่ฉลาดขึ้นทุกวันและพร้อมที่จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้ทุกเมื่อ เด็กจบใหม่ที่สถานบันการศึกษาผลิตออกมาทุกปี บางคนที่แม้จะมีประสบการณ์การทำงานน้อยกว่า แต่ทักษะแน่นและปฏิบัติงานได้ยืดหยุ่นกว่าคนทำงานเดิม ๆ ที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าทำงานกันอย่างไร มีอะไรพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และโรคระบาดที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการจ้างงาน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนทำงานหลาย ๆ รู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน เราอาจจะกลายเป็นคนที่ว่างงานได้ตลอดเวลา หากไม่พัฒนาและปรับตัว
ซึ่งหนึ่งใน Soft Skills ยุคหลัง COVID-19 ของคนทำงาน คือ ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learning เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ข้อมูลต่าง ๆ อัปเดตทุกชั่วโมง โดย Lifelong Learning ก็คือรูปแบบหนึ่งของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้วยการเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยไม่จำกัดว่าตนเองจะอายุเท่าไร นี่จึงเป็นหนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองให้ยังคงเป็นที่ต้องการขององค์กร
จากข้อมูลของ World Economic Forum พบว่าเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น ที่ทำให้ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตกลายเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้พร้อมกับการทำงานที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จึงจำเป็นที่เราต้องพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ สำหรับการทำงานทั้งปัจจุบันและอนาคต เพราะความรู้หรือทักษะการทำงานเดิม ๆ อาจไม่พอที่จะสู้กับคู่แข่งได้ คู่แข่งที่ว่าก็คือเทคโนโลยี เด็กรุ่นใหม่ ๆ และสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลโดยตรงต่อการจ้างงาน
การเริ่มต้นกลับมาเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หลังจากพ้นจากสถานศึกษามานานอาจเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำไม่ได้ ซึ่งถ้าหากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้น Lifelong Learning ได้อย่างไร Tonkit360 มีคำตอบ
มีแนวคิดแบบ Growth Mindset
เป็นคนที่ไม่ชอบการหยุดนิ่ง
Growth Mindset เป็นลักษณะความคิดและความเชื่อว่า
“ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนกำหนดเองว่าฉันต้องรู้อะไร”
คนที่มีลักษณะแบบนี้จะเปิดรับการเรียนรู้ทุกอย่าง เพื่อนำมาใช้พัฒนา
ปรับปรุง และเติมเต็มในส่วนที่เดิมไม่มี เพราะเชื่อว่าความเก่ง
ความฉลาดเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เก่งก็ฝึกต่อไป
จงทำงานหนัก อย่าหยุดนิ่งที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ แนวคิดแบบ Growth
Mindset
จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างให้คนคนหนึ่งกลายเป็นคนที่รักที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต
หรือ Lifelong Learning นั่นเอง
มีทัศนคติที่คิดแต่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นและนำไปสู่ความยั่งยืนในที่สุด
ทั้งการพัฒนาตนเอง สังคมรอบตัว รวมถึงองค์กรที่ทำงานอยู่
จะได้รับข้อดีจากการไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนา
อยากเป็นคนแบบไหน ให้พาตัวเองไปอยู่ในสังคมนั้น
ๆ
เคยได้ยินคำที่ว่า “อยากได้แฟน (หรือเพื่อน) แบบไหน
ให้พาตัวเองไปอยู่ในที่แบบนั้น” บ้างหรือไม่
นั่นคือหนึ่งในวิธีหาแฟนเพื่อให้ได้สเปกตามที่ต้องการ
แต่ก็เหมือนกันเลย การพัฒนาตนเองก็ใช้หลักการเดียวกัน
“ถ้าอยากเป็นคนแบบไหน ก็ให้พาตัวเองไปอยู่ที่แบบนั้น”
เพราะทั้งสภาพแวดล้อมและผู้คนที่อยู่รอบข้างจะส่งพลังงานบางอย่างมาถึงเรา
โดยเราจะซึมซับเอาพฤติกรรมแบบนั้นมาโดยไม่รู้ตัว
รวมถึงยังได้รับรู้ข้อมูลต่าง ๆ มาโดยที่ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยด้วยซ้ำ
เราอาจได้เห็นหรือได้ยินมาแบบบังเอิญ ดังนั้น
ถ้าเริ่มที่จะเรียนรู้สิ่งใด ให้เริ่มจากจุดนี้ก่อน เริ่มรับสิ่งดี ๆ
ที่เป็นพลังบวก
และเป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้เราอยากจะทำแบบนั้นอยากจะเป็นแบบนี้บ้าง
ลงมือทำเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริง
คนเราจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีถึงแก่นแท้
ก็ต่อเมื่อลงมือทำให้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ด้วยตนเอง
ที่การลงมือทำทำให้เกิดการเรียนรู้มากกว่าการนั่งฟัง
การท่องจำทฤษฎีเฉย ๆ เพราะเราได้สัมผัสกับประสบการณ์จริง ๆ ความรู้สึก
ณ ขณะนั้น ได้เห็นกับตาว่าความสำเร็จเป็นอย่างไร
หรือถ้าไม่ประสบความสำเร็จ
ก็ยังได้เห็นปัญหาเองอยู่ดีว่าความผิดพลาดมันอยู่ที่ตรงไหน
กระบวนการนี้จะทำให้เราจดจำมันไว้ อีกทั้งในขณะที่ได้ลงมือทำ
ยังเกิดการเชื่อมโยงความรู้ที่ได้เคยศึกษาในอดีตเพื่อมาประยุกต์ใช้จริง
ซึ่งอาจเห็นถึงองค์ความรู้อื่นที่จะนำไปต่อยอดในการทำงานครั้งต่อ ๆ
ไปได้ ทั้งยังป้องกันการลืมความรู้ที่ได้รับจากห้องเรียนอีกด้วย ค่อย
ๆ ต่อยอดความรู้ที่มีจากการลงมือทำไปเรื่อย ๆ
หาให้เจอ วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเอง
ด้วยความคนเรานั้นไม่เหมือนกัน วิธีอย่างหนึ่งที่คนอื่นทำ
เมื่อเรานำมาลองทำตามบ้าง
อาจพบว่ามันไม่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และตัวตนของเราเท่าไรนัก
ก็อย่าเพิ่งท้อแท้หมดกำลังใจไป
ในเมื่อการเลียนแบบหรือทำตามอย่างคนอื่นมันไม่ได้ผล
ก็จงหาให้เจอว่าวิธีการเรียนรู้แบบไหนที่เหมาะสมและตอบโจทย์ชีวิตตัวเรามากที่สุด
อาจจะลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ
เพราะการลองผิดลองถูกก็เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบหนึ่งเช่นกัน
การหาวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะกับตัวเองจะช่วยให้อะไร ๆ ควบคุมง่ายขึ้น
ด้วยความที่เรากำหนดได้เองในแบบที่เราต้องการ
เราจะมีอิสระที่สามารถเลือกทางเลือกของตัวเองได้เอง
ช่วยเพิ่มศักยพัฒนาในการพัฒนาตนเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด
กระตุ้นให้เกิดความต้องการที่จะเรียนรู้
เนื่องจากการเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ การพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ
อย่างไม่หยุดนิ่ง หลายคนต้องมาเริ่มในวัยทำงาน
หลังจากที่รู้ว่ามันคือวิธีการเอาตัวรอดหากไม่อยากเป็นคนที่ตกงานด้วยปัจจัยต่าง
ๆ ในยุคปัจจุบัน หลายคนห่างหายจากการเรียนมานาน เพราะเรียนจบ
หลุดออกจากวงจรชีวิตในสถานศึกษามาตั้งหลายปีแล้ว
มันไม่มีอะไรมากระตุ้นหรือปลุกเร้าว่าต้องเรียนนะ
และก็ไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่มีความหลงใหลอะไรด้วย ดังนั้น
เราจึงต้องสร้างมันขึ้นมาเองแม้ว่าจะอยู่ไกลจากห้องเรียนมานาน
วิธีง่าย ๆ คือการพาตัวเองไปอยู่ในที่แบบนั้น
ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในข้อก่อน ๆ หน้า ส่วนวิธีอื่น ๆ
อาจต้องพึ่งความชอบส่วนตัวมาเป็นแรงกระตุ้น แล้วค่อย ๆ
โยงไปสู่เรื่องที่จะหาความรู้เพิ่มเติม
คุณกำลังดู: Lifelong Learning เรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเอาตัวรอดในการทำงาน
หมวดหมู่: ผู้ชาย
แหล่งที่มา: https://www.sanook.com/men/79109/