เล่นซูลูขอไฟ ย่าง ม.2 โคม่า แหย่คบเพลิงลุกพึ่บ! ในกิจกรรมค่ายลูกเสือ

อุทาหรณ์ 5 หนุ่มน้อยนักเรียนชั้น ม.2 ร่วมแสดง “ซูลูขอไฟ” ในการเล่นรอบกองไฟ กิจกรรมเข้าค่าย ลูกเสือของโรงเรียนดัง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู รู้เท่าไม่ถึงการณ์จุดไฟแล้วแต่ไฟดับ

เล่นซูลูขอไฟ ย่าง ม.2 โคม่า แหย่คบเพลิงลุกพึ่บ! ในกิจกรรมค่ายลูกเสือ

อุทาหรณ์ 5 หนุ่มน้อยนักเรียนชั้น ม.2 ร่วมแสดง “ซูลูขอไฟ” ในการเล่นรอบกองไฟ กิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือของโรงเรียนดัง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู รู้เท่าไม่ถึงการณ์จุดไฟแล้วแต่ไฟดับ รีบแหย่คบเพลิงใส่ถังเชื้อเพลิงเปลวไฟลุกพึ่บพุ่งใส่ ทั้ง 5 คน บาดเจ็บ 1 ในนั้นอาการโคม่า โดนไฟลวก ลำตัวร้อยละ 90 ต้องสอดท่อช่วยหายใจเพราะหลอดลม บวม แม่เห็นแผลบนตัวลูกแทบช็อก ภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ปลอดภัย ผอ.โรงเรียนบอกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืดอกพร้อมรับผิดชอบ ด้าน “กัน จอมพลัง” เตรียมเปิดบัญชีรับบริจาคช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล

อุบัติเหตุจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ส่งผลให้นักเรียนได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกตามร่างกาย บางคนมีอาการบาดเจ็บรุนแรงขั้นโคม่า เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุนักเรียนถูกไฟคลอกระหว่างเข้าร่วมกิจกรรมเข้าค่ายของลูกเสือ-เนตรนารี โรงเรียนโนนสังวิทยาคาร อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู มีผู้บาดเจ็บ 5 คน 1 คน อาการสาหัส ไฟลวกร่างกายกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ สอบถามทราบว่าโรงเรียนจัดให้มีกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ ชั้น ม.2 จำนวน 205 คน ตั้งแต่วันที่ 3-4 ก.พ. ในคืนวันที่ 3 มีกิจกรรมรอบกองไฟ แต่มาเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้นก่อน หลังนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล คณะครูได้สั่งยกเลิกกิจกรรมทั้งหมดทันที

เด็กนักเรียนรายหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรม แต่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเล่าให้ผู้ปกครองฟังว่า หลังจากประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน ได้มีการดับไฟแล้วมีกลุ่มลูกเสือแต่งตัวเป็นชนเผ่าซูลู 7 คน เต้นถือคบเพลิงมาจุดไฟใส่กองไม้ที่เตรียมไว้ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดเหตุใด ทำให้เกิดไฟลุกพึ่บขึ้นอย่าง รวดเร็วท่วมร่างลูกเสือทั้ง 5 คน ด้านชาวบ้านที่อยู่ใกล้โรงเรียน และ รพ.โนนสัง ที่ตั้งอยู่ติดรั้วโรงเรียน บอกว่ารู้สึกตกใจ เพราะช่วงเกิดเหตุมีเสียงหวีดร้องของเด็กๆดังมาก ครั้งแรกคิดว่าวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายกัน ภายหลังถึงรู้ว่าเกิดเหตุไฟลวกเด็กนักเรียนบาดเจ็บหลายราย

ผู้สื่อข่าวได้รับเอกสารชี้แจงการเกิดอุบัติเหตุระบุว่า โรงเรียนได้จัดกิจกรรมเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรมลูกเสือ-เนตรนารี ระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ. แยกกิจกรรม ลูกเสือ-เนตรนารี ชั้น ม.1 จำนวน 200 คน และชั้น ม.3 จำนวน 204 คน ช่วงเวลา 07.30-11.30 น. เดินทางไกลรอบโรงเรียน เวลา 11.30-13.30 น. กิจกรรมประกอบอาหารและรับประทานอาหาร เวลา 13.30-15.00 น. พิธีเปิดกองและบำเพ็ญประโยชน์ เวลา 15.00 น. กลับบ้าน ส่วนลูกเสือ-เนตรนารี ชั้น ม.2 จำนวน 204 คน ช่วงเวลา 07.30-13.30 น. ดำเนินกิจกรรมเช่นเดียวกับชั้น ม.1 และ ม. 3 หลังจากนั้นเข้าพิธีถวายราชสดุดีเปิดกองเพื่ออยู่ค่ายพักแรมให้พักค้างคืนภายในโรงเรียน มีกิจกรรมฐานผจญภัยในช่วงเวลา 15.00-16.00 น. และกิจกรรมชุมนุมรอบกองไฟในช่วงเวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

ในช่วงของกิจกรรมชุมนุมรอบกองไฟ หลังเริ่มพิธีเปิดได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เมื่อผู้แสดง “ซูลู ขอไฟ” ได้นำอุปกรณ์เข้าชุบเชื้อเพลิงให้ติดไฟทีละคน แต่มีผู้แสดงที่อุปกรณ์การแสดงของตัวเองติดไฟแล้ว แต่ไฟดับเลยเข้าไปจุ่มเชื้อเพลิงใหม่ ทำให้มีไฟพุ่งออกมาจากแกลลอนน้ำมันเชื้อเพลิง เปลวไฟลามไปถูกผู้แสดง เป็นเด็กชาย อายุ 14 ปีเท่ากัน ทั้ง 5 คน คือ ด.ช.สุวัฒชัย ผงทอง ชั้น ม.2/3 ไฟลวกร่างกายร้อยละ 90 รักษาตัว รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น, ด.ช.อนุพงศ์ แนวหาญ ชั้น ม.2/1 ไฟลวกร่างกายร้อยละ 50-60 รักษาตัว รพ.ศูนย์ขอนแก่น, ด.ช.วิทวัท แก้วมาตร์ ชั้น ม.2/1 ไฟลวกเล็กน้อย รักษาตัว รพ.โนนสัง, ด.ช.ชลกาญจน์ หล้าหาญ ชั้น ม.2/1 ทำแผลแล้ว แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ และ ด.ช.กรวิชญ์ เพ็ญศิริ ชั้น ม.2/1 รักษาตัว รพ.ศูนย์อุดรธานี ขณะนี้กลับบ้านแล้วเช่นกัน

นายสำเนา เทียมดวงแข ผอ.ร.ร.โนนสังวิทยาคาร ให้ข้อมูลว่า ในช่วงจะเริ่มการแสดงตนได้เป็นประธานในพิธีเปิดนั่งอยู่ร่วมกิจกรรมของนักเรียน หลังเกิดเหตุได้สั่งยุติกิจกรรมทันที ส่วนผู้บาดเจ็บรีบนำส่ง รพ.โนนสัง ที่อยู่ใกล้โรงเรียน ต่อมาช่วงเช้า ให้นักเรียนที่เหลือเดินทางกลับบ้าน และในคืนที่เกิดเหตุได้อยู่ดูแลเด็กร่วมกับคณะครูและพ่อแม่ ผู้ปกครองนักเรียนตลอดคืน กระทั่งเช้าได้ไปพบพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนในพื้นที่ ต.โคกใหญ่ อ.โนนสัง เพื่อแจ้งถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุ พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ตนพร้อมคณะครูเดินทางไปเยี่ยมนักเรียนที่ จ.ขอนแก่น ทั้ง 2 โรงพยาบาล และรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้บังคับบัญชา หน่วยงานต้นสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว

“การจัดกิจกรรมโรงเรียนระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัย ถึงได้จัดกิจกรรมอยู่ภายในโรงเรียน แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หลังเกิดเหตุได้ให้ครูที่ปรึกษาคอยติดตามดูอาการของนักเรียนร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครอง และแจ้งให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถติดต่อผมหรือครูที่ปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง โรงเรียนพร้อมรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยืนยันจะช่วยเหลือดูแลนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนอย่างดีที่สุด” นายสำเนากล่าว

เวลา 15.00 น. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูล์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” เดินทางมาเยี่ยมอาการ ด.ช.สุวัฒชัย หรือน้องคิว ผงทอง ที่รักษาตัวอยู่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ขณะนี้อาการของน้องคิวยังคง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังหลอดลมถูกความร้อนจนไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ ร่างกายถูกไฟไหม้ ไปร้อยละ 90 แพทย์ต้องนำเข้าห้องปลอดเชื้อ พร้อมกับใช้ผ้าก๊อซพันรอบตัว

นายกัณฐัศว์กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจาก ครอบครัวน้องคิว เนื่องจากครอบครัวมีค่าใช้จ่ายในการ รักษาตัวแล้วขณะนี้ 50,000 บาท คาดว่าจะต้องมี ค่าใช้จ่ายอีกจำนวนมาก ตนจะเปิดบัญชีเพื่อช่วยเหลือน้องคิว และอยากฝากให้ทุกโรงเรียนเลิกจัดกิจกรรมด้วยการให้นักเรียนไปจุดไฟเอง ยกตัวอย่างน้องคิว เป็นการจุดคบเพลิงครั้งแรก แต่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ในเสี้ยววินาที เพราะเด็กยังประสบการณ์น้อยและ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ควรมีครูและผู้ใหญ่ดูแลใกล้ชิด

ขณะที่นางเสาร์ ไชยยะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 บ้านหนองตานา ต.โคกใหญ่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู มารดาของน้องคิว กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ลูกชายขออนุญาตไปเข้าค่ายลูกเสือและร่วมกิจกรรมเล่นรอบกองไฟ หลังเกิดเหตุได้ถามครูว่าทำไมลูกชาย ถึงบาดเจ็บมาก ครูเล่าว่า น้องจะเล่นซูลู ขณะนั้นมีนักเรียนอีกกลุ่มไปจุดไฟก่อนที่ลูกชายตนจะไปถึง แต่ไฟไม่ติด ครูเลยบอกให้กลุ่มของลูกชายเป็นคนไปจุดอีกครั้ง ลูกชายถือคบเพลิงจะไปจุด พอไปถึง กองฟืนเปลวไฟก็พวยพุ่งออกมาทันทีแบบตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ไฟลวกตัวเด็กกลุ่มนี้ทันทีถึง 5 คน อาการของลูกขณะนี้ยังไม่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ยังหายใจเองไม่ได้ แพทย์บอกว่าทางเดินหายใจมันพองอยู่ ต้องสอดท่อหายใจเข้าไป ตามร่างกายถูกไฟไหม้ทั้งตัว ไม่มีตรงไหนที่จะไม่เป็นแผล

แม่น้องคิวกล่าวต่อว่า ส่วนการรับผิดชอบ โรงเรียนยังไม่ได้ว่าอะไร บอกเพียงว่าจะช่วยเหลือกัน หลังจากที่เกิดเหตุในช่วงแรก ตนยังไม่ได้เห็นลูกชาย ทันทีที่รู้ข่าวรีบตามมาที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น พบว่า หมอพาน้องเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว ขอหมอเข้าไปดู พบว่าหมอได้วางยาสลบให้ลูกชาย และเปิด ผ้าออกให้ดู เห็นบาดแผลแล้ว มันหนักมากเกินกว่าที่แม่จะรับได้ เพราะบาดแผลมีทั้งลึกทั้งตื้น ดูแล้วเป็นการถูกไฟไหม้ทั้งตัว เชื่อว่าค่ารักษาพยาบาลต้องจำนวนมากขึ้นแน่ และต้องรักษาตัวไปอีกนาน ตอนนี้ได้แต่ภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้คุ้มครองให้ลูกชายปลอดภัยก่อน

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายบัวลี แนวหาญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 6 บ้านหนองสะแบง ต.โคกใหญ่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู บิดาของ ด.ช.อนุพงศ์ หรือน้องโด้ แนวหาญ ที่ถูกไฟลวกสาหัส และถูกส่งตัวมารักษาที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น นายบัวลี กล่าวว่า มีลูก 2 คน คือ ด.ช.อนุพงศ์ เป็นคนโต และน้องชายวัย 3 เดือน ก่อนเกิดเหตุลูกชายเล่าให้ฟัง ว่า จะมีกิจกรรมเข้าค่ายที่โรงเรียน และแสดงรอบกองไฟ ต้องซ้อมการแสดงกับเพื่อน ได้ให้ลูกชายไปเรียนและทำกิจกรรมตามที่โรงเรียนจัดขึ้น ไม่ทราบ รายละเอียดว่ากิจกรรมที่แสดงจะใช้ไฟ หรือแสดงรอบกองไฟอย่างไรบ้าง เพราะตนออกทำงานนอก บ้านทุกวัน เนื่องจากมีอาชีพเป็นช่างก่อสร้างทำงานกับผู้รับเหมา มีเพียงภรรยาอยู่บ้านเลี้ยงลูกชายคนเล็ก หลังเลิกงานกลับบ้านในคืนวันศุกร์ที่ 3 ก.พ. ได้รับ โทรศัพท์จากเพื่อนลูกว่า ลูกชายถูกไฟลวก ถูกส่งไป รพ.โนนสังข์ และ รพ.หนองบัวลำภู รีบตามไปดูอาการ แต่ลูกเจ็บสาหัสถูกส่งรักษาต่อที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น

“แพทย์ รพ.ขอนแก่น แจ้งว่า บาดแผลตาม ร่างกายถูกไฟไหม้ในระดับ 2-3 มีแผลลึกท่อนบน ของร่างกาย โดยเฉพาะเอวและอก ส่วนแผ่นหลังถูก ไฟไหม้ แต่แผลไม่ลึก ต้องพักรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อ 2-3 สัปดาห์ พ่อกับแม่ได้แต่ยืนมองดูลูกนอกห้อง และคุยโทรศัพท์กันเท่านั้น หลังเกิดเหตุ ผอ.ร.ร.โนนสังวิทยาคาร พร้อมคณะครูมาเยี่ยมให้กำลังใจลูกชายและครอบครัว พร้อมมอบเงินให้ 5,000 บาท บอกว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาทุกบาททุกสตางค์ ครอบครัวไม่ได้ซักถาม หรือเรียกร้องอะไร ตอนนี้ขอดูอาการลูกชายว่าดีขึ้นมากน้อยเพียงใด สภาพจิตใจลูกเป็นอย่างไร เกรงลูกจะคิดมากในเรื่อง บาดแผลตามร่างกาย เมื่อใดที่ลูกหายกลับมาแข็งแรง ออกจาก รพ.และใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว ถึงจะพูดคุย เรื่องการเยียวยากับทางโรงเรียนอีกครั้ง” พ่อของน้องโด้กล่าว

ต่อมา น.ส.วัชรี กอมูล อายุ 37 ปี มารดาน้องโด้ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ก่อนวันเกิดเหตุลูกชาย บ่นว่าไม่อยากไปเข้าค่ายลูกเสือในครั้งนี้ มีอาการกระสับกระส่ายเดินเข้าเดินออก ตนปลอบว่าไปเถอะไม่เป็นไรหรอก แม่ก็เคยไปเข้าค่ายลูกเสือ กระทั่งน้องโด้ตัดสินใจไปเข้าค่ายในครั้งนี้ และได้รับเลือกให้เป็นนายหมู่ ให้พ่อช่วยขนสัมภาระที่ใช้ในการเข้าค่ายจำนวนมากจนเพื่อนแซวว่าจะย้ายบ้านเหรอ วันเกิดเหตุตอนกลางวัน ตนรู้สึกแปลกๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีความกังวล แต่ไม่คาดว่าจะเกิดเหตุกับลูกชาย ตกค่ำถึงรู้ว่าลูกถูกไฟลวกสาหัส รีบไปดูที่ รพ.โนนสัง เห็นลูกตกอยู่ในสภาพมีเขม่าดำทั้งตัว ลูกร้องว่า “แม่ๆ โด้เจ็บ” ตนหัวใจสลายเข่าอ่อนแทบทรุดวิ่งเข้าไปบอกลูกว่าทำใจดีๆให้สู้ๆ โรงพยาบาลได้ส่งลูกไปที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น ตนกลับมาบ้านนอนไม่หลับ ให้สามีเฝ้าดูอาการลูกตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ขณะนี้ได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.โนนสัง

ด้าน ร.ต.อ.วรพงษ์ ศิริพงษ์วรนาถ รอง สว. (สอบสวน) สภ.โนนสัง เผยว่า น.ส.วัชรี แม่ของน้องโด้ ได้มาแจ้งความไว้ตั้งแต่ช่วงสายวันที่ 4 ก.พ. เบื้องต้นตำรวจรับไว้เป็นคดี มีข้อหา “กระทำการอันประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส” โทษสูงสุดคือจำคุก 3 ปี และปรับ 60,000 บาท ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตนได้ลงพื้นที่ไปดูสถานที่เกิดเหตุและให้กั้นพื้นที่ ห้ามบุคคลผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเพื่อรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.หนองบัวลำภู เข้าไปตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานต่างๆในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ขณะเดียวกันตนในฐานะพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำไว้ก่อน ส่วนเด็กๆที่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อสามารถให้ปากคำได้จะประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาร่วมสอบสวนตามกฎหมายต่อไป

คุณกำลังดู: เล่นซูลูขอไฟ ย่าง ม.2 โคม่า แหย่คบเพลิงลุกพึ่บ! ในกิจกรรมค่ายลูกเสือ

หมวดหมู่: ภูมิภาค

แหล่งที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2621973

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด