กรมศุลเอาใจนักท่องเที่ยว ไม่ค้นตัวแม้ใส่นาฬิกา-สะพายกระเป๋าหรู

กรมศุลกากร พร้อมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว รับการเปิดประเทศ หลังโควิด-19 คลี่คลาย ย้ำลั่น! จะไม่มีการค้นตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ แม้ว่าจะมีของติดตัวมาที่มีมูลค่าสูง หากเป็นการสวมใส่ เพื่อใช้ส่วนตัว หรือเป็นของใช้ส่วนตัว ไม่ได้นำเข้าเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ เช่น ไม่ได้ใส่กล่องมา
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเป็นทางการหลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ดังนั้น กรมศุลกากรจึงได้ออกนโยบายอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยกำชับเจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ห้ามค้นตัวนักท่องเที่ยว กรณีมีของใช้ใส่ติดตัวมา เพื่อมิให้เป็นภาระกับนักท่องเที่ยว
“จะไม่มีการค้นตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้ว่านักท่องเที่ยวรายนั้นจะสะพายกระเป๋าหรูราคาแพงมูลค่าหลักแสน หรือสวมนาฬิกาหรูที่มูลค่าสูงหลักล้านก็ตาม หากเป็นการสวมใส่ เพื่อใช้ส่วนตัว หรือเป็นของใช้ส่วนตัว ไม่ได้นำเข้าเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ เช่น ไม่ได้ใส่กล่องมา เป็นต้น”
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร จะดำเนินขอค้นตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศคือ กรณีมีข้อมูลทางลับที่แจ้งให้ทราบว่า มีการลักลอบนำเข้า หรือกรณีที่มีการแสดงอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่เป็นของติดตัว เช่น สวมนาฬิกาหลายเรือนบนข้อมือ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และภาพลักษณ์ประเทศไทย
“เราห่วงเรื่องภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานจะต้องแต่งเครื่องแบบทุกคน เจ้าหน้าที่กรมศุลฯจะค้นตัวนักท่องเที่ยว ก็ต่อเมื่อมีการแจ้งเบาะแสข้อมูล ชี้จุดพิกัดมาให้ดำเนินการ หากไม่มี ก็ไม่ค้นตัวนักท่องเที่ยว”
นายพันธ์ทอง กล่าวต่อว่า สำหรับระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร เรื่องการนำของติดตัวเข้ามาทางท่าอากาศยานนั้น กรณีผู้โดยสารเดินเข้าช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง หรือช่องเขียว (Nothing to declare) หมายถึง ผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งไม่มีของต้องชำระภาษีอากร ไม่มีของต้องห้าม หรือของต้องกำกัด (สิ่งของต้องควบคุมเป็นพิเศษเมื่อจะนำเข้าหรือส่งออก) เข้ามาพร้อมกับตน ให้เดินผ่านช่องตรวจเขียวหรือช่องไม่มีของต้องสำแดง โดยของที่ได้รับยกเว้นอากรมีดังนี้
1.ของใช้ส่วนตัวที่มีปริมาณพอสมควรสำหรับใช้ส่วนตัวและมีมูลค่ารวมทั้งหมดไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่ง มิใช่ ของต้องห้าม หรือเสบียงอาหาร 2.บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน หรือยาสูบไม่เกิน 250 กรัมหรือน้ำหนักรวมทั้งหมดทุกประเภทไม่เกิน 250 กรัม 3.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาตรไม่เกิน 1 ลิตร และ 4.หากนำบุหรี่ ยาสูบ หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้ามาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด โปรดหย่อนใส่กล่องที่กรมศุลกากรจัดไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี
ทั้งนี้ กรมศุลกากร เน้นอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารโดยระบบบริหารความเสี่ยง (Risk Management) มาใช้ในการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร กรณีการตรวจสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า ณ ช่องมีสิ่งของต้องสำแดงหรือ ช่องแดง (Goods to declare) กรณีที่ 1 เป็นของติดตัวผู้โดยสาร ซึ่งไม่มีลักษณะเป็นเชิงการค้าและมีมูลค่าไม่เกิน 200,000 บาท เจ้าหน้าที่ศุลกากร จะคำนวณค่าภาษีอากรปากระวาง กรณีที่ 2 เป็นของต้องห้าม และ/หรือต้องไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำเข้าจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย.
คุณกำลังดู: กรมศุลเอาใจนักท่องเที่ยว ไม่ค้นตัวแม้ใส่นาฬิกา-สะพายกระเป๋าหรู
หมวดหมู่: ข่าวเศรษฐกิจ/ธุรกิจ
แหล่งที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2622030