หนุ่มวิศวกรทิ้งงานประจำ หันมาเลี้ยงไส้เดือนขายมูล โกยรายได้เดือนละแสน
หนุ่มวิศวกรไฟฟ้าสุพรรณบุรี ทิ้งงานประจำ หันมาเลี้ยงไส้เดือนขายมูลทำปุ๋ย เผยยอดสั่งซื้อเดือนละ 30 ตัน ราคาตันละ 10,000 บาท โกยรายได้เดือนละแสน

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.65 ที่ จ.สุพรรณบุรี
มีหนุ่มวิศวกรไฟฟ้า
ยอมทิ้งงานประเดือนผันตัวมาเป็นเกษตรกรเลี้ยงไส้เดือนขายมูลทำปุ๋ยสร้างรายงามได้เดือนละกว่า
300,000 บาท จึงเดินทางไปตรวจสอบ
พบว่าหนุ่มวิศวกรคนดังกล่าวชื่อนายสราวุฒิ มลิชัย อายุ 33 ปี
เป็นชาวตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เป็นเจ้าของ
"สติฟาร์ม" ฟาร์มเลี้ยงไส้เดือน
นายสราวุฒิ เล่าว่าตนจบวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอิเล็คทรอนิค
จากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ปัจจุบันเป็นเจ้าของฟาร์มไส้เดือนชื่อสติฟาร์ม
เจ้าของตลาดต้นไม้และเจ้าของโรงงานผลิตหุ่นยนต์โรงงาน ออโตมิชั่น
แรงบันดาลใจในการเลี้ยงไส้เดือนมาจากที่บ้านทำการเกษตรประกอบกับต้นทุนปุ๋ยเคมีราคาสูง
ก็เลยเอาความรู้ความสามารถที่เรียนมา มาช่วยลดต้นทุน
คิดว่าจะทำยังไงให้ต้นทุนการทำนาลดลง
เริ่มจากการศึกษาทำความรู้จัก "ไส้เดือน"ก่อน ซึ่งไส้เดือนในประเทศไทยมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่คือไส้เดือนสีเทากับไส้เดือนสีแดง ไส้เดือนสีเทาคือไส้เดือนที่นำไปแปรรูปตากแห้งขาย ไส้เดือนอีกกลุ่มก็คือไส้เดือนสีแดง ถ้าเป็นพันธุ์พื้นเมืองจะชอบอากาศเย็นแต่จะเลี้ยงยาก
ส่วนของเราเลี้ยง ไส้เดือนสายพันธุ์แอฟริกันไนท์ครอเลอร์ AF (African Night Crawler or Eudrilus eugeniae)
ข้อดีของสายพันธุ์แอฟริกันไนท์ครอเลอร์ก็คือ ทนอากาศร้อน มีการขยายพันธุ์ที่รวดเร็วเหมาะกับการเลี้ยงในประเทศไทย เลี้ยงง่ายกว่าพันธุ์อื่น เพราะไส้เดือนพันธุ์นี้จะไม่ค่อยหนี
ส่วนพันธุ์อื่นถ้าอาหารหรือมีสภาวะที่ไม่เหมาะสม ในแปลงเลี้ยงก็จะหนี สำหรับไส้เดือนพันธุ์แอฟริกันไนท์ครอเลอร์ เลี้ยงในอะไรก็ได้ แต่ต้องมีความชื้น น้ำไม่ขังและควรจะอยู่ในร่ม ส่วนศัตรูของไส้เดือนซึ่งมีลักษณ์เหมือนหนอนอยู่ ในบ่วงโซ่ของอาหาร ดังนั้นศัตรูที่จะมากินก็จะมีหลายชนิด มีทั้งนก กิ้งก่า หนู จิ้งเหลน อึ่งอ่าง
ในแง่การตลาดนั้นเริ่มจากการมองตัวเองก่อนว่ามีเรื่องใช้ปุ๋ยหรือไม่ถ้ามีลองลดการใช้ปุ๋ยลงมาครึ่งหนึ่ง แล้วใช้มูลไส้เดือนแทนครึ่งหนึ่งให้เริ่มต้นแบบนี้ก่อน อย่าเพิ่งไปมองว่าเราจะขายอะไรที่ไหนอย่างไร มูลไส้เดือนมีการย่อยสลายที่สมบูรณ์กว่าสัตว์ชนิดอื่น เหมาะสำหรับพืชทุกประเภท ในแง่การตลาดมูลไส้เดือนใช้ได้กับพืชทุกชนิดสามารถจำหน่ายได้ทั่วไป
"ผมจะบรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม ขายออนไลน์ไปจนถึงกระสอบละ 25 กิโล มีรถสิบล้อมารับ ลูกค้าที่มาซื้อมีทั้งเจ้าของสวนยางพารา เจ้าของสวนอินทผาลัม สวนทุเรียน ล่าสุดเจ้าของสวนอินทผาลัมที่ จังหวัดลพบุรี บอกว่าใช้มูลไส้เดือนแล้วดีมาก"
เมื่อถามถึงการเริ่มต้นนายสราวุฒิ บอกว่าตนเริ่มเลี้ยงไส้เดือนเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เริ่มต้นการตลาดจากการฝากขายแต่ตนไม่แนะนำเรื่องการฝากขายเนื่องจากที่ผ่านมาตนได้นำไปฝากขาย ปรากฎว่าสินค้าตนขายไม่ได้เลย ตนจึงได้เขียนบทความ ประชาสัมพันธ์ และมีสื่อหนังสือพิมพ์ และทีวี มาทำรายการ ทำให้เป็นที่รู้ของคนทั่วไปขึ้นมา
"มีคนติดต่อซื้อเพิ่มขึ้นจนมาถึงปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ลูกค้าจะมารับเองเนื่องจากยอดขายมากเป็นตัน
ส่วนถุงละ 1
กิโลส่วนมากเราจะขายที่ตลาดต้นไม้ของเราเองซึ่งอยู่ที่หน้าศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร
(พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง)อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นหลัก
และขายทางออนไลน์ อนาคตตลาดยังไปได้
เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์ของโลกราคาปุ๋ยเคมีสูงมากแบบก้าวกระโดด
ดังนั้นสิ่งที่มาทดแทนปุ๋ยเคมีจึงมีบทบาทมากขึ้นจะโตขึ้นแต่สิ่งที่ลดลงคือราคาผลผลิตของไทย
ไม่ว่าข้าว หรือยางพารา นั้นสวนทางกัน"
นายสราวุฒิ เล่าต่อว่า
ตอนที่เลี้ยงไส้เดือนอยู่บ้านบางกุ้ง
ซึ่งเลี้ยงพื้นที่ 100 ตารางวา มียอดสั่งซื้อเดือนละ 30 ตัน ราคาตันละ
10,000 บาทแต่ผลิตสินค้าให้ลูกค้าไม่ทันตนจึงลงทุนซื้อที่เพิ่มอีก 58
ไร่เพื่อขยายเพิ่มกำลังการผลิตโดยย้ายมาที่ ตำบลบ้านโข้ง อำเภออู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี โดยทำเป็นโรงเรือน
ขนาดใหญ่จากเมื่อก่อนจะเลี้ยงในกาละมังตอนนี้ได้เปลี่ยนมาทำแปลงเลี้ยงแบบแปลงผัก
คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดการผลิตตาก 30 ตันต่อเดือนมาเป็น 100
ตันต่อเดือน ในอนาคตอันใกล้นี้ได้อย่างแน่นอน
และตนก็จะร่วมกับทีมวิศวกรของบริษัท ออกแบบหุ่นยนต์ มาทำงานที่
สติฟาร์มแห่งนี้ต่อไป
คุณกำลังดู: หนุ่มวิศวกรทิ้งงานประจำ หันมาเลี้ยงไส้เดือนขายมูล โกยรายได้เดือนละแสน
หมวดหมู่: ข่าว
แหล่งที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/1000309