หมดไฟ-ความนิยมตก? เจาะสาเหตุ จาซินดา อาร์เดิร์น ลาออกนายกฯ นิวซีแลนด์
จาซินดา อาร์เดิร์น ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศนิวซีแลนด์อย่างกะทันหัน นักวิเคราะห์คาด เป็นเพราะหมดไฟกอปรกับปัญหาอื่นๆ และราคาที่เธอต้องจ่ายในฐานะผู้นำ

- จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศนิวซีแลนด์
ประกาศจะลาออกจากตำแหน่งภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์
หลังปฏิบัติหน้าที่มานาน 5 ปี
- อาร์เดิร์นระบุว่า เธอไม่เหลือแรงพอที่จะเป็นผู้นำประเทศออกไปอีก
4 ปี หลังจากตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
เธอต้องรับมือวิกฤติระดับประเทศหลายต่อหลายอย่าง
- ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ปัญหาภายในประเทศ, คะแนนนิยมที่ตกต่ำ
และราคาที่ต้องจ่ายของการเป็นผู้นำ
มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจลาออกของอาร์เดิร์น
จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศนิวซีแลนด์
ประกาศจะลาออกจากตำแหน่งภายในวันที่ 7 ก.พ. 2566
หลังจากปกครองประเทศมานาน 5 ปี สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
อาร์เดิร์นพิสูจน์ให้เห็นความสามารถการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติ
พาประเทศผ่านเหตุก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแดนกีวี,
เหตุภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่
และได้รับการย่องอย่างอย่างมากในระดับนานาชาติ
จากความสำเร็จในการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19
กับการวางนโยบายต่างประเทศอย่างสมดุล
แต่ทว่าราคาของการเป็นผู้นำที่เธอต้องจ่าย
รวมทั้งกระแสความนิยมที่ตกต่ำลงของพรรคของเธอ
ซึ่งส่วนใหญ่มีเหตุผลจากปัญหาต่างๆ ภายในประเทศ
เป็นสาเหตุทำให้เธอหมดแรงที่จะเป็นผู้นำประเทศต่อไปอีก 4 ปี
และประกาศลาออกจากตำแหน่งในที่สุด

ความนิยมตกต่ำ
ตามการวิเคราะห์ของนาย จอฟฟรีย์ มิลเลอร์
นักวิจารณ์การเมืองและนักวิเคราะห์ภูมิรัฐสภาจากองค์กร ‘Democracy
Project’ แม้ว่าการประกาศลาออกจากอาร์เดิร์นจะช็อกชาวนิวซีแลนด์
แต่ภายในประเทศมีการพูดถึงความเป็นไปได้นี้กันมาบ้างแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
“จาซินดา อาร์เดิร์น เหนื่อยล้า มันเป็น 5 ปีที่ยากลำบากมาก
แต่พรรคของเธอก็ทำผลงานได้ค่อนข้างแย่ด้วยในโพลสำรวจความคิดเห็น ณ
ตอนนั้น” นายมิลเลอร์กล่าว และเสริมว่า
พรรคแรงงานของอาร์เดิร์นชนะเลือกตั้งปี 2563 อย่างท่วมท้น
แต่ตอนนี้พวกเขามีคะแนนนิยมมากกว่า 30% นิดเดียวเท่านั้น
การชนะเลือกตั้งในปี 2563
ทำให้พรรคแรงงานสามารถตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องร่วมมือกับหินถ่วงคออย่างพรรค
นิวซีแลนด์ เฟิร์ซต์ ฝ่ายประชานิยมอีกต่อไป
พวกเขาเร่งผลักดันการปฏิรูปฝ่ายก้าวหน้ามากมาย ตั้งแต่ระบบประปา,
สุขภาพ, การจัดการทรัพยากรและการวางแผน, การกระจายเสียงโทรศัพท์วิทยุ,
การรับมือภาวะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
และสิทธิของชนพื้นเมืองเผ่าเมารี
แต่เมื่อมีการปฏิรูปก็ย่อมมีการต่อต้านเกิดขึ้น
ความนิยมของพรรคแรงงานก็ค่อยๆ ตกต่ำลง เช่นเดียวกับ ตัวจาซินดา
อาร์เดิร์นเองก็เริ่มไม่เป็นที่นิยมมากขึ้นเช่นกัน
ด้านศาสตราจารย์ ริชาร์ด ชอว์ จากมหาวิทยาลัย แมสซีย์ ในนิวซีแลนด์
กล่าวว่าความนิยมที่ตกต่ำมากจากแรงต้านทางเศรษฐกิจและสังคม
ผลการเลือกตั้งในปี 2563
แสดงให้เห็นการสนับสนุนนางอาร์เดิร์นอย่างล้นหลามหลังเหตุสังหารหมู่ที่ไคสต์เชิร์ช
และผลงานของเธอในปีแรกของการรับมือโควิด
แต่รอยร้าวก็เริ่มขึ้นจากตรงนั้น
ในช่วงต้นปี 2565
กลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีนออกมาปักหลักชุมนุมหน้ารัฐสภาซึ่งบานปลายกลายเป็นความรุนแรง
ขณะที่บนโลกออนไลน์ การแสดงความเห็นเชิงอนุรักษ์นิยม,
ต่อต้านการฉีดวัคซีน และแสดงความเกลียดชังสตรีในนิวซีแลนด์
เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว “เรายังมีแรงต้านทางเศรษฐกิจอย่างเช่น
การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ, ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
และความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นตลอดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเรา”
ศ.ชอว์กล่าว

ราคาที่ต้องจ่ายของการเป็นผู้นำ
นักวิเคราะห์ยอมรับด้วยว่า
ภาระของการเป็นผู้นำที่อาร์เดิร์นต้องจ่าย
เป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้เธอตัดสินใจลงจากตำแหน่ง
เธอกล่าวในแถลงการณ์ลาออกของเธอเมื่อวันพฤหัสบดีว่า
แรงกดดันมีผลกระทบและทำให้เธอสงสัยว่าตัวเองจะสามารถเป็นผู้นำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งในเดือนตุลาคมนี้ได้หรือไม่
และเธอพบว่าเธอไม่เหลือพลังพอที่จะเป็นผู้นำประเทศต่อไปอีก 4 ปี
“เธอเหนื่อย เธอหมดไฟ และเธอกลับจากวันหยุดฤดูร้อนที่นี่ในนิวซีแลนด์
และตัดสินใจว่า เธอไม่อยากเดินต่อ” นายมิลเลอร์กล่าว
ขณะที่นาง เจน แพตเตอร์สัน บรรณาธิการข่าวการเมืองของสถานีวิทยุ Radio
New Zealand ระบุว่า
อาร์เดิร์นตัดสินใจก้าวออกมาจากการเมืองเพื่อเหตุผลส่วนตัวหลายๆ อย่าง
รวมถึงการที่เธอมาถึงจุดสำคัญของชีวิต เธอมีลูกสาววัย 5
ขวบที่กำลังเริ่มเข้าโรงเรียน ซึ่งนั่นเป็นจุดสำคัญในฐานะพ่อแม่
ไม่ใช่แค่นักการเมือง
สภาพแวดล้อมทางการเมืองในปัจจุบันสั่งต่ออาร์เดินอย่างมาก
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาในเดือนมิถุนายน 2565 ชี้ว่า
ตำรวจพบการข่มขู่อาร์เดิร์นเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งนั่นทำให้งานเลี้ยงบาร์บีคิว เนื่องในวันลงนามสนธิสัญญาไวตังกี
(Waitangi Treaty) ที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพทุกปี
ต้องถูกยกเลิกเพื่อความปลอดภัย
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
อาร์เดิร์นยังเคยถูกคนที่เธอไม่รู้จักลุกขึ้นมาด่าและคุกคามกลางที่สาธารณะ
ขณะกำลังทานอาหารกลางวันด้วย

เมื่อจุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน
อาร์เดิร์นได้รับการยกย่องอย่างมากจากต่างประเทศในเรื่องการจัดการวิกฤติของชาติ
ทั้งการรับมือเหตุสังหารหมู่ และเหตุภูเขาไฟระเบิดรุนแรงในปีต่อมา
เธอยังนำพาประเทศฝ่าฟันการระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19
ใช้นโยบายควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวด
และใช้ตัวเองเป็นตัวอย่างด้วยการไม่เดินทาง
แต่ถึงแม้ว่านโยบายโควิดของเธอจะสร้างชื่อเสียงของเธอในระดับนานาชาติ
เธอกลับเผชิญแรงต่อต้านภายในนิวซีแลนด์เสียเอง
เธอเผชิญการแบ่งฝักฝ่ายในปัญหาภายในหลายอย่าง รวมถึง
กลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน, ปัญหาค่าครองชีพและราคาบ้านพุ่งสูง
และปัญหาเกี่ยวกับชนพื้นเมืองชาวเมารี
“เธอเป็นบุคคลที่สะดุดตามากในรัฐบาลของเธอ มากกว่ารัฐมนตรีคนใด
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่า
เป็นจุดแข็งของเธอซึ่งกลายมาเป็นจุดอ่อนของเธอในท้ายที่สุด”
นายมิลเลอร์กล่าว
ขณะที่สำหรับ ศ.ชอว์ นั้น จาซินดา อาร์เดิร์น
แสดงบทบาทการเป็นผู้นำประเทศด้วยภาพลักษณ์ที่สงบ, เห็นอกเห็นใจ,
ครอบคลุม และมั่นคงในสถานการณ์ไม่เคยพบมาก่อน, โกลาหล
และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
วิธีการของเธอยังทำให้เธอต่างจากนักประชานิยมหลายคน
ที่มักใช้ถ้อยคำรุนแรง, สร้างความแตกแยก และวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ
“จาซินดา อาร์เดิร์น ไม่เคยพูดถึงใครในฐานะศัตรูเลย
เธอทำตัวและใช้ชีวิตการเมืองในสไตล์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่และปรองดองกว่านักการเมืองที่เราเห็นในต่างประเทศ”
ดร.ชอว์กล่าว
แต่สำหรับชาวนิวซีแลนด์แล้ว พวกเขากำลังไม่พอใจในปัญหาค่าครองชีพ,
การขึ้นอัตราดอกเบี้ย, ปัญหาอาชญากรรม และอื่นๆ อีกมากมาย
พวกเขาต้องการผู้นำที่มีแนวคิดแตกต่างไปจากที่ใช้ในการรับมือวิกฤติอย่างโควิด-19
เข้ามาแก้ปัญหาของพวกเขา
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : cna , bbc
คุณกำลังดู: หมดไฟ-ความนิยมตก? เจาะสาเหตุ จาซินดา อาร์เดิร์น ลาออกนายกฯ นิวซีแลนด์
หมวดหมู่: ต่างประเทศ
แหล่งที่มา: https://www.thairath.co.th/news/foreign/2607715
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ภาวะ "หมดไฟ" ของจาซินดา อาร์เดิร์น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
- ว่าที่นายกฯ นิวซีแลนด์ประกาศปกป้องครอบครัว
- นิวซีแลนด์เลือก "คริส ฮิปกินส์" ขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่แทน "อาร์เดิร์น"
- Extra Time Podcast EP. Special - ปีใหม่ ปัญหาเดิม ของลิเวอร์พูล
- คาด "คริส ฮิปกินส์" รมว.ศึกษาธิการ จ่อนั่งเก้าอี้นายกฯ นิวซีแลนด์คนใหม่
- หาเสียงไปให้สุด “ปิยบุตร“ เตือนก้าวไกล อย่ากั๊กหวังได้ร่วมรัฐบาล