ฝนโปรยลดฝุ่นแก้วิกฤติกทม. 6-11 ก.พ.อากาศเปิด เชียงใหม่-พิษณุโลกอ่วม

คนกรุงและอีก 26 จังหวัดภาคเหนือ-กลาง- อีสานยังอ่วมฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง แม้ได้ฝนเทลงมาช่วยบ้าง แต่ภาพรวมปริมาณฝุ่นพิษยังสูงเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ “เชียงใหม่-พิษณุโลก” ยังวิกฤติ ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน ฟ้าขมุกขมัวไปทั่วเมือง ส่วนอีสานอากาศแปรปรวน กรมอุตุนิยมวิทยาคาดมีฝนตก ต่อเนื่องเกือบทุกภาค เว้นภาคใต้ฝนลด ขณะเดียวกัน เตือนประเทศไทยตอนบนระวังหมอกในตอนเช้า ขณะที่กรมควบคุมมลพิษคาดการณ์ 6-11 ก.พ. กรุงเทพฯและปริมณฑลมีแนวโน้มคุณภาพอากาศดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศเปิดมากขึ้น
กรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดใหญ่ยังปกคลุม ด้วยฝุ่นละอองที่มีผลกระทบต่อสุขภาพต่ออีกวัน แต่ฝุ่นลดลงหลังมีฝนเทลงมาในบางพื้นที่ โดยศูนย์แก้ไข ปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุภาพรวมปริมาณ PM 2.5 ในประเทศ เมื่อเวลา 12.00 น. เมื่อวันที่ 4 ก.พ. พบเกินค่ามาตรฐานใน กทม. จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.ลำพูน จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อ่างทอง จ.สุพรรณบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ราชบุรี จ.ปราจีนบุรี จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.เลย

ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศรายงานการ ติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ สรุปดังนี้ ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 44-135 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 13-87 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและภาคตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 24-83 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 17-57 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 7-12 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ.ร่วมกับ กทม.เกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 20-63 มคก./ลบ.ม.
สำหรับตลอดวันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มลพิษทางอากาศที่จังหวัดเชียงใหม่ยังวิกฤติหนัก โดยตลอดเช้าสภาพท้องฟ้าเหนือตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน มองจากจุดชมวิวดอยสุเทพดูขมุกขมัวไปทั่วทั้งเมือง เว็บไซต์ IQAir รายงานอันดับเมืองมลพิษในเวลา 09.20 น. จังหวัดเชียงใหม่ ครองอันดับ 12 ของโลก ดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index)หรือค่า AQI อยู่ที่ 114 สอดคล้องกับค่า PM 2.5 รายชั่วโมง ที่รายงานโดยศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุดที่ รพ.ฮอด อ.ฮอด 299 มคก./ลบ.ม. ส่วนในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่คณะสังคม ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 154 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่อยู่ระหว่างการจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น Safety Zone เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพให้กับ ประชาชน โดยในปี 2565 มีการทดลองใช้งานใน สถานบริการสาธารณสุขภาครัฐ 148 แห่ง ส่วนในปีนี้ มีแผนงานเชิญชวนภาครัฐทุกสังกัด ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจร่วมกันทำห้องปลอดฝุ่นให้ครอบคลุมมากขึ้นในทุกพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ฝุ่นพิษที่เพิ่มสูงขึ้นสู่ ระดับวิกฤติ ทำให้หน่วยงานด้านไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเจ้าหน้าที่เหยี่ยวไฟของกรมป่าไม้ หน่วยเสือไฟกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และชาวบ้าน เร่งทำแนวกันไฟในพื้นที่ไฟป่าซ้ำซากหลายอำเภอ โดยเฉพาะที่ ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน ต.ร้องวัวแดง ต.ห้วยทราย อ.สันกำแพง ที่เป็นหนึ่งในพื้นที่บริหารจัดการพิเศษของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซากทุกปี

ส่วนในเขตตัวเมืองพิษณุโลก สถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ยังคงน่าเป็นห่วงต่อเนื่องมา 3 วัน ค่า PM 2.5 พุ่งสูง ถึง 111 มคก./ลบ.ม. หรือ 221 AQI ซึ่งถือว่า มีผลกระทบต่อร่างกาย นอกจากนี้ ยังพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) มีค่า 163 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพเช่นกัน ถึงแม้ว่าช่วงกลางคืนและเช้ามีฝนตกมาบ้าง ก็ตาม เครื่องตรวจวัดที่ติดตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลนครพิษณุโลกทั้ง 8 จุด ยังเป็นสีแดงถึง 5 จุด คือที่บริเวณถนนไชยยานุภาพ บริเวณชุมชนวัดอรัญญิก ตลาดถนนพระองค์ดำ สี่แยกบ้านแขก และบริเวณคลังน้ำมัน ปตท. ต.บึงพระ เนื่องจากพื้นที่ของจังหวัด พิษณุโลกได้รับผลกระทบจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน อีกกระแสหนึ่งมาจากลมตะวันตก ส่งผล ให้นำเอาฝุ่นละอองจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงมาปกคลุมพื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลก ส่งผลให้สภาพอากาศในพิษณุโลกขมุกขมัวไปทั่วเหนือท้องฟ้าและ มีผลกระทบต่อร่างกายในการดำเนินชีวิตประจำวัน
สำหรับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.บึงกาฬ ยังคงเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยตลอดเช้าที่ อ.เซกา และ อ.เมืองบึงกาฬ มีฝนตกลงมาโปรยปราย จากอิทธิพลของมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สร้างความชุ่มฉ่ำให้ผืนดิน ส่งผลดีด้านมลพิษ ทำให้ฝุ่นละอองลดลงไปด้วย โดยรถตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ของกรมควบคุมมลพิษ ที่จอดไว้บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่า 40 มคก./ลบ.ม. ลดต่ำกว่าวานนี้ 31 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์คุณภาพปานกลาง แต่ยังคงมีหมอกควันปกคลุมอยู่ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำโขง หน้าเทศบาลเมืองบึงกาฬ ชาวบ้านที่สัญจรไปมาในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ ต้องพากันสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่นละออง
ต่างจากคุณภาพอากาศ PM 2.5 เครื่องตรวจวัด ณ ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อเวลา 11.00 น. ปริมาณ PM 2.5 วัดได้ 22 มคก./ลบ.ม. สถานะคุณภาพอากาศดีมาก มีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และคาดว่ามีฝนหรือฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 32 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศาเซลเซียส
ผู้สื่อข่าวออกตรวจสอบเส้นทางกาฬสินธุ์-สกลนคร บริเวณเทือกเขาภูพาน ซึ่งฝนตกลงมาทำให้ถนนค่อนข้างลื่น และยังพบอุบัติเหตุทางถนนจากสาเหตุถนนลื่นบริเวณทางโค้ง โดยเทือกเขาภูพานมีทางโค้งกว่า 100 โค้ง ปภ.จ.กาฬสินธุ์ ได้ขอความร่วมมือและฝากเตือนประชาชนใช้รถใช้ถนนบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก และขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

วันเดียวกัน กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ ระหว่างวันที่ 5-11 ก.พ.2566 ดังนี้ พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มที่ควรเฝ้าระวังบริเวณภาคเหนือตอนบนและล่าง ในช่วงวันที่ 6-7 และ 9-11 ก.พ. 2566 ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 6-11 ก.พ.2566 มีแนวโน้มคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศที่ดี เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น และมีลมใต้ที่มีกำลังค่อนข้างแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายสภาพอากาศในช่วงวันที่ 6-10 ก.พ.2566 ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนลดลง ดังนั้นขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ก.พ. มีฝนตกลงมาอย่างหนักในหลายพื้นที่ของ กทม.และนนทบุรี อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต สุทธิสาร ห้าแยกลาดพร้าว จตุจักร บางกะปิ อ่อนนุช อ.เมืองนนทบุรี แยกแคราย อ.ปากเกร็ด อ.บางกรวย ฯลฯ ขณะที่ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร รายงานเมื่อเวลา 14.00 น. มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางเขตพระนคร พญาไท บางซื่อ จตุจักร เคลื่อนตัวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ปริมาณฝนสูงสุดเขตพระโขนง 23.5 มม.
คุณกำลังดู: ฝนโปรยลดฝุ่นแก้วิกฤติกทม. 6-11 ก.พ.อากาศเปิด เชียงใหม่-พิษณุโลกอ่วม
หมวดหมู่: ภูมิภาค
แหล่งที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/2621341